อัตวินิบาตกรรมทางวัฒนธรรมในสังคมไทย
บทวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมไทยในปัจจุบันที่มีคดีอาชญากรรมอันรุนแรงเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากยาเสพติดที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต และมีผลกระทบต่อเนื่องไปสู่พฤติกรรมทั้งการพนัน ปล้นทรัพย์ แก๊งวัยรุ่นขับขี่รถมอร์เตอร์ไซค์ ทำร้ายผู้คน โดยรวมไปถึงการทำร้ายคนในครอบครัว พ่อแม่ปู่ย่าตายาย เห็นได้ชัดอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน พฤติกรรมนี้คือสิ่งที่เรียกว่า ภาวะความล่มสลายทางศีลธรรมและความเป็นมนุษย์ชาติ
อัตวินิบาตกรรมทางวัฒนธรรมในสังคมไทย
ศรีศักร วัลลิโภดม
คำว่าอัตวิบาตกรรมทางวัฒนธรรม [Cultural suicide] เป็นคำที่ใช้ในหมู่นักมานุษยวิทยาเมื่อราวห้าสิบกว่าปีมาแล้ว เรียกกิจกรรมของมนุษย์ในสังคม เช่น ปลูกฝิ่น ค้าฝิ่น และยาเสพติดที่มีผลถึงเป็นการทำลายศีลธรรม ความเป็นมนุษย์ และชีวิตวัฒนธรรมของคนในสังคม จนเกิดความพินาศอย่างสิ้นยุคสมัย
สังคมไทยตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ดังเห็นได้จากการออกกฎหมายยกเลิกการปลูกฝิ่น นำฝิ่นและอุปกรณ์สูบฝิ่นมารวมเผาที่ท้องสนามหลวงอย่างเป็นมหกรรม รวมทั้งทำการปราบปรามเพื่อให้การสูบฝิ่นและการค้าฝิ่นให้หมดไป ซึ่งในเรื่องนี้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ก็ทรงมีส่วนร่วมด้วยในการกำจัดการปลูกฝิ่นด้วยการเสด็จไปช่วยพัฒนาชนกลุ่มน้อยที่มีมาช่วยในการปลูกฝิ่นบนภูเขาในภาคเหนือ ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยทางรัฐบาลและราชการอีกทางหนึ่ง
พระราชกรณียกิจของรัชกาลที่ ๙ ในเรื่องให้คนชาวเขาเลิกปลูกฝิ่นเป็นความสำเร็จอย่างเยี่ยมยอด เพราะเป็นการทำให้ชนกลุ่มน้อยที่แทบทุกประเทศในเวลานั้นเห็นว่า ‘เป็นผู้บุกรุกเขตแดนและทำความลำบากให้แก่รัฐและผู้คน ซึ่งต้องทำการขับไล่ให้พ้นออกไป’ เลิกปลูกฝิ่น ขายฝิ่นสำเร็จ
รัชกาลที่ ๙ ทรงพัฒนาด้วยโครงการในพระราชดำริ เปลี่ยนชาวเขาให้เลิกปลูกฝิ่นมาเป็นเกษตรกรปลูกพืชเมืองหนาว และกลายเป็นพลเมืองไทย ในทางตรงข้ามทางฝ่ายรัฐบาลไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะหลังจากเลิกฝิ่นแล้วเฮโรอีนก็ระบาดเข้ามาแทนที่ กลับซ้ำร้ายกว่าเก่าเพราะปราบปรามยากกว่า เพราะสังคมเปลี่ยนจากเกษตรกรรมมาเป็นสังคมอุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อนในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองมากกว่า ยาเสพติดเฮโรอีนระบาดไปยังคนอาชีพต่างๆ และคนรุ่นต่างๆ ในสังคม การปราบปรามไม่สำเร็จ เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐคอรัปชั่น มีทั้งมีส่วนร่วมในการค้ายาเสพติด หรือไม่ก็ช่วยเหลือผู้ที่ทำความผิดให้พ้นโทษและการจับกุม
ก่อนสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ สังคมไทยทั้งในเมืองและชนบทยังอยู่ในสภาพของสังคมเกษตรกรรมชาวนา [Peasant society] ที่คนยังอยู่ติดที่ มีการโยกย้ายถิ่นฐานน้อย ความเป็นครอบครัวและชุมชนยังเป็นแบบเดิมในรูปเศรษฐกิจแบบพอเพียง สมาชิกชุมชนและครอบครัวไม่โยกย้ายถิ่นฐานไปทำงานในที่อื่น โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายคนที่เป็นแรงงานออกไปทำงานในเมืองและในท้องถิ่นอื่นในลักษณะผู้ใช้แรงงานและกรรมกร ส่วนมากมีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ออกไปทำงานนอกท้องถิ่น ผู้หญิงยังอยู่กับครอบครัวในชุมชน และเด็กก็เติบโตอยู่ภายในท้องถิ่น
จนทั้งการค้ายาเสพติดและการคอรัปชั่นของหน่วยราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทย
เฮโรอีนและยาเสพติดเกิดขึ้นมากชนิดในหมู่ชนชั้นกรรมกร เช่น ยาม้าและยาบ้าในหมู่คนขับรถบรรทุก และรถโดยสาร กรรมกรในโรงงาน และในที่สุดก็ลงมาถึงคนรุ่นใหม่ที่เป็นเด็กนักเรียน และเยาวชนซึ่งเติบโตขึ้นในสังคมอุตสาหกรรมยุคโลกาภิวัตน์ ที่โครงสร้างสังคมทั้งในระดับครอบครัวและชุมชนเปลี่ยนไป
ศรีศักร วัลลิโภดม
พอเปลี่ยนมาเป็นอุตสาหกรรมครอบครัวและชุมชนแตกแยก เพราะผู้ชายและหญิงที่เป็นพ่อแม่ต่างออกไปทำงานในที่อื่น เช่น คนอีสานเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้ครอบครัวแตกแยก [Broken home] เพราะในครัวเรือนมีแต่สมาชิกที่เป็นเด็กและคนแก่ ในขณะเดียวกันก็มีคนจากภายนอกเคลื่อนเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และทำงานในแหล่งงานที่เป็นโรงงาน และแหล่งการเพาะปลูกที่เป็นเกษตรอุตสาหกรรม
ทำให้สังคมแบบจารีตประเพณีของท้องถิ่นล่มสลาย โครงสร้างทั้งครอบครัวและชุมชนที่เคยมีความสัมพันธ์กันแบบเดิมหมดไปในลักษณะที่ต่างคนต่างอยู่กันอย่างแปลกแยกขาดสำนึกร่วมของการเป็นคนกลุ่มเดียวกันอย่างที่เคยมีมาก่อน
นอกจากโครงสร้างสังคมเปลี่ยนไปแล้วสิ่งที่เป็นโลกทัศน์ หรือการมองโลก [World View] และระบบค่านิยม [Value system] ก็เปลี่ยนไปในทางวัตถุนิยม และการสร้างโลกใหม่ด้วยสิ่งเสมือนจริง [Virtual reality] ที่แปลกใหม่ด้วยความเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวิธีการแบบทางตะวันตก
ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี สังคมเมืองส่วนใหญ่ของไทยถูกครอบงำโดยวัฒนธรรมอเมริกันมาตลอด [Americanization] ไม่ว่าจะเป็นระบอบและลัทธิการปกครอง การศึกษาและความคิดทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรี และการพัฒนาแหล่งอุตสาหกรรม และความเป็นเมืองในยุคใหม่ [Urbanization and industrialization] ที่ความเป็นชนบทแบบเดิมๆ [Rural society] ค่อยๆ หมดไป ยกเว้นนิสัยประจำชาติอย่างหนึ่งที่พอเป็นมรดกตกทอดมาจากอดีตก็คือชอบอำนาจนิยม [Authoritarianism] ที่ทำให้มีพฤติกรรมละเมิดกฎหมาย [Law violating society] อันเป็นสิ่งที่นำมาของความชั่วร้ายในเรื่องอบายมุขต่างๆ และการคอรัปชั่นในระบบราชการและวงการธุรกิจของเอกชน
‘การพนัน’ คืออบายมุขอันดับแรกของคนไทยที่อาจเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตวัฒนธรรม มีมากมายหลายชนิดหลายอย่าง ทั้งที่เป็นของถูกกฎหมายของทางราชการ เช่น หวย ล็อตเตอรี่ การเล่นหุ้นในวงการธุรกิจ และการเล่นการพนันทางกีฬา เช่น การแข่งขันฟุตบอล การตีไก่ ชนโค และอื่นๆ แต่ทั้งหลายแหล่เหล่านี้ก็ยังมีผลความเลวร้ายไม่เท่ากับการเสพติด สิ่งมึนเมาต่างๆ ที่ทำให้เกิดการขาดสติและเป็นอันตรายแก่สุขภาพ และทำร้ายตนเองและคนอื่นๆ
อบายมุขที่เกิดจากการเสพติดสิ่งมึนเมาและเกมกีฬาดังกล่าวนี้ คือสิ่งที่เรียกว่า อัตนิวิบาตกรรมทางวัฒนธรรม [Cultural suicide] เป็นสิ่งที่นำมาซึ่ง การล้มละลายทางศีลธรรม [Demoralization] และ ความเป็นมนุษย์ [Dehumanization]
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งในโลกของสังคมอุตสาหกรรมสมัยโลกาภิวัตน์ ก็คือ การติดเกมส์ของเด็กและเยาวชนจากคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ อันเป็นเทคโนโลยีในการสื่อสารสมัยใหม่ ที่ทำให้มีการสร้างโปรแกรมการบันเทิง เช่น การแข่งขัน การต่อสู้ การกีฬา และการสู้รบให้เป็นเกมส์แก่เด็กและเยาวชนทั้งในระดับชั้นประถมและมัธยมเพื่อความหย่อนใจที่สะดวกสบาย เพราะสามารถกดเล่นได้ตามลำพังในทุกเวลาและสถานที่
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่และเทคโนโลยีที่มีราคาแพงที่ครอบครัวแทบทุกชั้นทางสังคมต้องหามาให้กับลูกหลาน ดูแล้วเหมือนการซื้อเวลาในการดูแลอบรม แทนที่ให้การศึกษาอย่างใกล้ชิดเช่นในสมัยก่อน เพราะต้องออกไปทำงานกันทั้งพ่อและแม่
เยาวชนในยุคนี้จึงเติบโตอย่างเป็นอิสระ มีการคบหากันเองและรวมตัวเป็นกลุ่มเป็นแก๊งให้เวลาแก่การเล่นเกมส์ มั่วสุมกันเสพยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นเฮโรอีน ยาไอซ์ ยาอี รวมทั้งสุรายาเมากันอย่างไม่กลัวความผิดทางกฎเกณฑ์ทางสังคมและกฎหมาย
การระบาดของยาเสพติดให้โทษจากการลอบผลิตและซื้อขายกันอย่างผิดกฎหมายเป็นสิ่งที่ทางรัฐไม่สามารถควบคุมได้ เพราะมีการคอรัปชั่นจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในทุกระดับ ทำให้เยาวชนและคนวัยรุ่นที่มีการมั่วสุมกัน ประพฤติในสิ่งที่ผิดศีลธรรมและประเพณี โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์อย่างสำส่อนทั้งชายและหญิง
แทบกล่าวได้ว่าในสังคมของคนวัยรุ่นไม่มีการแต่งงานกันตามประเพณี [Wedding] มีแต่การสมสู่และสำส่อน [Mating and promiscuous] อันเป็นการสมสู่ตามธรรมชาติของสัตว์เดรัจฉาน หาใช่เป็นกิจทางสังคม เช่น การแต่งงานอย่างมนุษย์
ข้าพเจ้าพอจำความว่า เมื่อราว ๒๐ ปีมานี้ ได้เห็นความสัมพันธ์ทางเพศแบบนี้ในหมู่เด็กวัยรุ่น มั่วสุมทั้งเสพยาเสพติดและความสัมพันธ์ทางเพศเมื่อเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาก็ไม่คิดจะรับผิดชอบ มีการทำแท้งและทอดทิ้งเด็กทารกที่เกิดมาให้ตายเสียก็มาก ที่เหลือก็กลายเป็นเด็กกำพร้า จรจัด ตามแหล่งเสื่อมโทรม ทำให้เคยมีวิตกจริตไปกับความเสื่อมโทรมของสังคมและศีลธรรมในเรื่องนี้ โดยคิดว่าในอีกไม่ช้านี้ ประชาชนคนรุ่นใหม่ของประเทศชาติ คือคนที่ไม่มีคุณภาพ ไม่อาจทัดเทียมกับคนในชาติอันใกล้เคียงที่เคยเป็นอาณานิคมของคนตะวันตก
ผ่านมากว่ายี่สิบปีถึงทุกวันนี้ เด็กเหล่านั้นกลายเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ที่ติดการพนันและยาเสพติดที่มีความหลากหลายชนิดและพิษภัยที่แรงกว่าแต่ก่อนเป็นหลายเท่า อย่างเช่นยาเคที่เกิดใหม่ในทุกวันนี้ เช่น เคนมผง และเคทะเลทราย เป็นเหตุให้ผู้สูบตายไปหลายคน
ผลของการติดการพนัน และยาเสพติดให้โทษทั้งหลายเหล่านี้ทำให้มึนเมาขาดสติสัมปชัญญะ และสติปัญญา หมดความรู้สึกนึกคิดในทางศีลธรรมและความเป็นมนุษย์ กลายเป็นประชาชนที่ไม่มีคุณภาพ ในสังคมไทยทุกวันนี้มีเหตุการณ์ที่เป็นความรุนแรงทางสังคมเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งปกติใหม่ [New normal] คือมีข่าวอาชญากรรมที่เกี่ยวกับคนที่เสพติดเฮโรอีนและการพนัน กลายเป็นอาชญากร ทำร้ายและฆ่าฟันกันเอง เช่น ลูกฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ลุงฆ่าหลาน พ่อข่มขืนลูกในท้อง เกิดแก๊งวัยรุ่นที่ติดยา ทำร้ายรุมฆ่าประชาชน เป็นกลุ่มเด็กแว๊นแข่งมอเตอร์ไซค์ ปล้นทรัพย์ และทำร้ายผู้คน
ซึ่งพฤติกรรมที่กลายเป็นเหตุการณ์ประจำวันเหล่านี้ คือสิ่งที่เรียกว่า ภาวะความล่มสลายทางศีลธรรมและความเป็นมนุษย์ชาติ [Demonization และ Dehumanization) ที่กำลังเข้าสู่สังคมของมนุษย์ที่ดุร้ายเหี้ยมโหดเยี่ยงเดรัจฉาน
Cultural Analysis
Cultural Suicide in Thai Society
Srisakra Vallibhotama
Translated by Pornnalat Phachyakorn
Overview
Cultural suicide is an anthropological term referring to human activities that cause moral destruction, dehumanization, social and cultural extinctions. This article provides a cultural analysis on self-destructive cultural behaviors of Thai people.
Thailand has long faced substance abuse problems despite every government’s attempts to control and eradicate the use and sale of addictive drugs. A ban on opium under Premier Field Marshal Sarit Thanarat led to a rise in heroin use and later followed by a widespread use of other illegal substances. Drug use has spread to various occupations and different generations. The problems can be linked to massive social changes as Thailand has transitioned from a traditional agrarian society to industrial capitalism. Family members move from rural communities into towns and cities to seek work, resulting in a broken home and a collapse of local customs and traditions. While the traditional rural society is gradually disappearing, Thais continue to inherit a national habit of favoring authoritarianism which is a root cause of law violations in Thai society.
Gambling is considered a part of Thai culture that comes in both legal and illegal forms such as lottery, trading business stocks, betting on cockfights and football games. The industrial society in the globalized world also brings about the serious and growing problem of gaming disorder in children and teenagers.
The endemic corruption among public officials at all levels has obstructed the government’s efforts to control illicit substances which impact Thai youth. Teens who are under the influence of drugs or alcohol are more likely to engage in early sexual involvement and sexual risk-taking behaviors which can lead to many social problems. The declining of moral values among Thai youth is worrying as they are the future of the country.
Violent crimes related to drug and gambling addictions are happening daily and rapidly increasing that they have become ‘the new normal’ in Thailand. It can be said that drug abuse and gambling contribute to cultural suicide that leads to demoralization and dehumanization in Thai society.