เส้นทางในกลุ่มแรกของการข้ามคอคอดกระ เส้นที่ ๑
‘บ้านเขมา’ น่าจะเป็นชุมชนดั้งเดิมทางฝั่งตะวันตกของลำน้ำกระ เคยอยู่ในดินแดนสยามมาก่อนการแบ่งดินแดนสมัยอังกฤษเข้ายึดครองพม่าเป็นอาณานิคม เชื่อ ‘เขมา’ น่าจะมาจากคำไทยที่รับเขมรมาอีกต่อหนึ่ง เป็นชื่อต้นไม้เป็นพืชยืนต้นที่เรียกว่าต้นเขมาหรือชะเมาหรือต้นหว้าดงที่พบในแถบคาบสมุทรไม่น้อย รวมทั้งทางป่าเขาในภาคตะวันออก ที่ตั้งของบ้านเขมาเก่าอยู่ในตำแหน่งที่อยู่เชิงเขาและกึ่งกลางแผ่นดินระหว่างชายฝั่งอันดามันและแม่น้ำกระ กล่าวว่าพบแหล่งผลิตอยู่ริมลำน้ำขึ้นไปจนถึงบ้านเขมา พบหลักฐานทางโบราณคดีสำคัญมากมาย ซึ่งปัจจุบันเป็นย่านที่ทำการปกครอง เขต ‘เขมายี้’ อยู่ในดินแดนของสาธารณรัฐเมียนมาที่มีการจัดการพื้นที่ใหม่แล้ว
จากบริเวณนี้ น่าจะใช้เส้นทาง ‘คลองเขมา’ แยกขึ้นเหนือไปต่อกับ ‘คลองพลูนาง’ และมี ‘คลองน้อย’ ที่ไปออก ‘ลำน้ำกระ’ ข้ามลำน้ำกระบริเวณนี้ได้ไม่กว้างและลึกเท่าแถบปลายน้ำไปยัง ‘ปากจั่น’ หรือบริเวณลำน้ำหลักต่อกับลำน้ำจั่นและบริเวณใกล้ๆ กัน ลำน้ำจั่นลงลำน้ำกระ ในอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง บริเวณนี้ที่ ‘ปากจั่น’ เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญอีกแห่งที่พบหลักฐานร่องรอยลูกปัดแก้วสีเดียว (อินโด-แปซิฟิก) ลูกปัดหิน (คาร์เนเลียนและอาเกต) และเครื่องประดับทำจากทองในกลุ่มแบบยุคสุวรรณภูมิ นอกจากนั้น ยังพบเศษภาชนะดินเผาทั้งเนื้อดินและเนื้อแกร่ง ซึ่งบริเวณนี้มีการทับถมในหลายยุคสมัยนั่นเอง
จากนั้นใช้คลองกระขึ้นไปทางต้นน้ำซึ่งมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน เช่น ‘คลองกรัง’ ที่ต้องข้ามสันปันน้ำเขาปลายคลองหินเภาที่อยู่ในเขตเทือกเขาตะนาวศรีตอนใต้สุด ลงสู่ ‘คลองทรายอ่อน’ ซึ่งไปสบกับ ‘คลองมะละ’ บริเวณสำนักสงฆ์คลองหินเข้ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่นี้มีผู้คนอยู่อาศัยไม่น้อยและเรียกว่า ‘บ้านโป่งเงาะ’ อยู่ในเขตตำบลท่าข้าม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร บนเนินที่สูงริมลำคลองมะละพบโบราณวัตถุพวกเศษภาชนะดินเผาเนื้อดินแบบก้นกลม เศษภาชนะแบบลายเชือกทาบ แท่นรองภาชนะทรงพาน และเศษภาชนะแบบสีดำขัดมันรวมทั้งขาภาชนะแบบหม้อสามขา ขวานหินขัดขนาดตั้งแต่ ๘.๒-๑๘ เซนติเมตร จำนวน ๒-๓ ชิ้น
บริเวณนี้น่าจะมีการตั้งถิ่นฐานร่วมสมัยกับยุคเหล็กหรือยุคสุวรรณภูมิ เพราะพบเศษภาชนะแบบสีดำขัดมันและพบขาภาชนะแบบสามขาและขวานหินขัดขนาดใหญ่ ซึ่งแสดงถึงการใช้เครื่องมือขุดแร่และอาจมีการร่อนแร่ในพื้นที่ราบชายฝั่งน้ำ ขาภาชนะแบบหม้อสามขานั้นมักพบร่วมกันกับขวานหินขนาดใหญ่ในพื้นที่ป่าเขาและเพิงผาถ้ำภายใน (กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช สำรวจ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๓, หมายเหตุว่าในปัจจุบันเมื่อเข้าไปสำรวจในพื้นที่ไม่พบว่ามีบุคคลท่านใดในสำนักสงฆ์และชาวบ้านรอบๆ ไม่ทราบเรื่องการพบโบราณวัตถุแต่อย่างใด)
ส่วน ‘คลองกระใน’ ไหลลงคลองกระเช่นกันซึ่งต้องข้ามแนวสันปันน้ำเพื่อต่อกับ ‘คลองพันวาน’ ที่ไหลลง ‘คลองรับร่อ’ ที่อยู่ทางด้านเหนือห่างจากแนว ‘คลองมะละ’ ที่สบกับคลองรับร่อไปอีกราว ๕-๖ กิโลเมตร ยังไม่พบว่ามีรายงานแหล่งโบราณคดีในช่วงยุคร่วมสมัยกับสมัยสุวรรณภูมิในขณะนี้ บริเวณตั้งแต่ปากจั่นขึ้นมายังต้นน้ำกระและลำน้ำที่ไหลลงคลองกระทั้งคลองกรังและคลองกระในล้วนอยู่ในสันปันน้ำ [Watershed] ของแนวเทือกเขาภูเก็ตด้านเหนือสุด ต้นน้ำของ ‘คลองรับร่อ’ บริเวณเขาพระเจ้า สันปันน้ำซึ่งเป็นส่วนปลายสุดของเทือกเขาตะนาวศรี
เขาตาพลาย บริเวณที่พบหลักฐานทางโบราณคดีที่ทำให้เห็นภาพของชุมชนกึ่งกลางคาบสมุทร
การศึกษาในครั้งนี้ได้เห็นพื้นที่ แนวทางลำน้ำรวมทั้งหลักฐานร่องรอยทางโบราณคดี จึงสันนิษฐานว่า การเดินทางข้ามคาบสมุทรหรือการเดินทางติดต่อไปยังบริเวณเขาสามแก้วริมคลองท่าตะเภาในอำเภอเมือง จังหวัดชุมพรนั้น น่าจะใช้เส้นทางตามแนว ‘คลองมะละ’ ซึ่งเส้นทางน้ำนี้ไหลในแนวตะวันตก-ตะวันออก โดยไหลลงในทิศทางตะวันตกเฉียงใต้สู่คลองรับร่อที่ไหลในแนวเหนือ-ใต้ในระยะทางราว ๑๐-๑๕ กิโลเมตรจากบริเวณแหล่งโบราณคดีสำนักสงฆ์เขาหินเข้ โป่งเงาะ ซึ่งเป็นที่น้ำสบของคลองทรายอ่อนและคลองมะละ กลายเป็นคลองมะละไหลลงสู่ลำน้ำรับร่อ โดยมาตามลำน้ำรับร่ออีกราว ๑๙-๒๐ กิโลเมตร จนถึงบริเวณตำบลรับร่อ ซึ่งบริเวณนี้ทางใต้เป็นที่ตั้งของ ‘เขาตาพลาย’