ส่วนทางฝั่งบริเวณ ‘เขาเสก’ ที่อยู่ตรงข้ามกับตลาดหลังสวนในอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพรนั้น บริเวณริมฝั่งน้ำส่วนหนึ่งนั้นจะถูกทำเป็นเขื่อนคอนกรีตป้องกันการกัดเซาะชายตลิ่งก็ตาม แต่หากสามารถทำงานทางโบราณคดีได้ในบริเวณที่พบโบราณวัตถุสำคัญ รวมทั้งบริเวณชายตลิ่ง พื้นที่บริเวณเขาเสกน่าจะทำให้เห็นข้อมูลที่มีคุณค่าสูงอีกมาก เพราะมีกลุ่มการศึกษาที่เขาเสกได้เพียงกลุ่มเดียวโดยคณะทำงานของสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ [EFEO]
ส่วนเส้นทางสายที่ ๔ นั้น ตัดข้ามออกจากบริเวณต้นน้ำกะเปอร์ที่บ้านนาไปออกทางต้นน้ำคลองท่าไม้แดงที่ปากหมากในอำเภอไชยา แล้วไปตามลำน้ำผ่านไชยาไปทางบริเวณที่ใกล้กับ ‘เขาประสงค์’ ซึ่งเป็นเทือกเขาหินปูนวางตัวในแนวยาวตามชายฝั่งเหนืออ่าวบ้านดอน ซึ่งเป็นแหล่งการติดต่อค้าขายและชุมชนใหญ่ที่ไชยาและพุนพินในช่วงราวสมัยศรีวิชัยยุคต่อมา ในอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นจุดสังเกต [Landmark] สำหรับนักเดินทางทางทะเลมาทุกยุคสมัย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าทรงคุณค่าที่สำคัญแห่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งในบริเวณอ่าวไทย
เครื่องทองต่างๆ ที่ดูจะพบมากในบริเวณทั้งภูเขาทองและเมืองที่ริมคลองบางกล้วยในอำเภอสุขสำราญ เขมายี้ในเขตพม่า และท่าชนะที่เป็นแหล่งผลิตใหญ่ รวมทั้งเขาเสกที่อาจจะเป็นแหล่งผลิตที่สถานีย่อยของทางเขาสามแก้วและทางท่าชนะทำให้เห็นเครือข่ายการเชื่อมโยงสินค้าและงานหัตถศิลป์ระดับเยี่ยมยอด โดยเฉพาะเครื่องทอง เช่นที่เขมายี้ซึ่งพบ ‘เครื่องประดับต่างหูทองคำ’ ขนาดราว ๔.๘ x ๑.๙ เซนติเมตร หนัก ๔๔ กรัม ซึ่งมีเทคนิคการทำและลวดลายที่พบก็ทำให้อายุของการทำทองและช่างทองที่เข้ามาสู่คาบสมุทรแห่งนี้ และน่าจะเก่าไปถึงช่วงราชวงศ์เมารยะ-ศุงคะ ซึ่ง ‘แอนนา เบนเนต’ [Anna Bennett Suvanabhumi ‘Land of Gold’ in Suvanabhumi : The Golden Land, 2019] วิเคราะห์ว่า เป็นการทำด้วยเทคนิคแบบ Granulation คือการติดเม็ดทองกลมๆ เล็กๆ ลงบนผิวแผ่นทองบางๆ โดยใช้แป้งกาวที่ผสมกับทองแดงประสาน เมื่อผ่านความร้อนเนื้อทองแดงก็จะละลายเข้าเป็นเนื้อเดียวกับทองจนแทบไม่เห็นรอยต่อ ลูกทองกลมขนาดเล็กๆ ทำเตรียมไว้ขนาดต่างๆ เพื่อนำมาติดแปะเป็นรูปร่างลวดลาย
เทคนิคอันละเอียดปราณีตนี้เข้าสู่อินเดีย ผ่านทางวัฒนธรรมเปอร์เซียเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๓-๕ ในช่วงราชวงศ์เมารยะ-ศุงคะ (พ.ศ. ๒๒๑-พ.ศ. ๓๕๘, พ.ศ. ๓๕๘-๔๘๐) ที่ต่อเนื่องกับสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งราชวงศ์เมารยะ (พ.ศ. ๒๗๐-พ.ศ. ๓๑๑) โดยนำไปเปรียบเทียบกับภาพสลักแบบนูนต่ำจักรวาทิน [Chakravarti] หรือพระจักรพรรดิราช
เช่นที่ภาพนูนต่ำแบบอมราวดีจากอานธรประเทศ งานชิ้นนี้กำหนดอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๕ [Anna Bennett, 2019] นอกจากนี้ ยังพบชิ้นส่วนทองรูปพรรณเทคนิคแบบ Granulation ที่บริเวณเขมายี้ เขาสามแก้ว ภูเขาทอง และท่าชนะ รวมไปถึงแถบคลองท่อม ในจังหวัดกระบี่ที่ผลิตโดยเทคนี้เหล่านี้เช่นเดียวกัน
เส้นทางที่ ๓. ภูเขาทอง / บางกล้วย-ในหยาน-คลองพะโต๊ะ-เขาเสก-ปากน้ำหลังสวน
ในทิศทางที่ออกเดินทางจาก ‘ปากคลองสุไหงอินู’ ลงไปทางใต้ราว ๑๑๕ กิโลเมตร บริเวณชายฝั่งอันดามันในตำแหน่งปากคลองบางกล้วย เป็นเส้นทางที่เมื่อแล่นเรือเข้าสู่แผ่นดินภายในไปตามระยะทางน้ำราว ๔ กิโลเมตร ตามคลองบางกล้วย ในอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง เข้าประชิดพื้นที่เนินสูงทางฝั่งตะวันตกของลำน้ำที่กลายเป็นคลองเล็กๆ เมื่อปีนเนินสูงชันขึ้นไปกว่า ๕ เมตรก็จะพบว่ามีการทำแนวคันดินบางส่วนทำให้เกิดเป็นคันดินล้อมรอบพื้นที่เกือบจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางของเมืองสูงกว่าชายตลิ่งลำน้ำสาขาคลองบางกล้วยกว่า ๒๐ เมตรทีเดียว
เมืองนี้มีแนวเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่ใหญ่โตนักราว ๒๕๐ เมตร x ๑๐๐ เมตร ทั้งบริเวณชายเนินริมลำน้ำด้านล่างและบริเวณภายในเมืองและโดยรอบ พบโบราณวัตถุพวกเครื่องทอง ลูกปัดทองคำและเครื่องทองที่พบกระจายตามในบริเวณเมืองท่าต่างๆ เหล่านี้
บริเวณภูเขาทองและในเมืองที่บางกล้วย พบโบราณวัตถุล้ำค่าหลายชนิด จำนวนมาก และมีการขุดค้นทางโบราณคดีจากสำนักศิลปากรที่ ๑๕ ภูเก็ต นำโดย ร.อ.บุญฤทธิ์ ฉายสุวรรณ ถือว่าเป็นการขุดค้นทางโบราณคดีครั้งแรกทางชายฝั่งอันดามันและมีความสำคัญจนกลายเป็นฐานข้อมูลอ้างอิงของนักวิชาการทั่วโลก
นอกจากการอ้างอิงโบราณวัตถุจากแหล่งขุดค้นอย่างเป็นทางการได้แล้ว ยังมีการทำงานเพื่อกำหนดอายุซากเรือจมที่ปากคลองบางกล้วยราวพุทธศตวรรษที่ ๕ และพบหลักฐานสำคัญ เช่น ลูกปัดหินรูปสิงโตหมอบ คล้ายที่พบจากการขุดค้นที่ดอนตาเพชร ตราประทับสลักบนเนื้อหินหัวแหวนรูปบุคคลแบบกรีก-โรมันที่เรียกว่า Intaglio เครื่องประดับแบบแกะสลักบนผิวที่เรียกว่า Cameo ชิ้นส่วนเครื่องประดับทองคํา เศษภาชนะดินเผาที่มีต้นทางจากอินเดียตอนใต้ ภาชนะดินเผาที่มีจารึกอักษรพราหมี