ผู้เข้าชม
0
29 มกราคม 2564

สุสานเจ้าเมืองสงขลาที่ฝั่งแหลมสน ที่บ้านใน ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา

 

 


ขณะนั้นมีชาวจีนเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนคนหนึ่งชื่อ  ‘เหยี่ยง แซ่เฮา’ ซึ่งอพยพมาจากเมืองเจียงจิ้งหู มลฑลฟูเจี้ยน ได้มีข้อเสนอแลกกับสัมปทานผูกขาดธุรกิจรังนกบน เกาะสี่เกาะห้า ในทะเลสาบสงขลา จึงแต่งตั้งให้เป็น ‘หลวงอินทคีรีสมบัติ’ นายอาการรังนกเกาะสี่เกาะห้า ซึ่งเป็นสินค้าผูกขาดของหลวง  แล้วเลื่อนตำแหน่งเป็น หลวงสุวรรณคีรีสมบัติ เจ้าเมืองสงขลา

นับว่าเป็นการเริ่มต้นสายสกุล ณ สงขลา ซึ่งต่อมาได้ปกครองเมืองสงขลาถึง ๘ รุ่น และสายตระกูลเจ้าเมืองสงขลาซึ่งเป็นชาวจีนเชื้อสายฮกเกี้ยนนี้ ล้วนใกล้ชิดกับส่วนกลางและราชสำนักนับแต่รัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจนถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ และโดยเฉพาะรัชกาลที่ ๒ และ รัชกาลที่ ๓ เมื่อต้องมีการปกครองแก้ปัญหาหัวเมืองมลายูทางใต้ลงไปของคาบสมุทรที่เมืองสงขลาถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ โดยมีการสร้าง ‘เจดีย์สองพี่น้อง’ อันหมายถึงเจดีย์ที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ) และสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต) สร้างขึ้น เมื่อมากำกับการแก้ปัญหาหัวเมืองมลายูต่างคราวกัน

แผ่นดินบริเวณฝั่งบ่อยางนั้นมีผู้คนเข้าไปอยู่อาศัยตั้งแต่เมืองสงขลาที่เขาแดงล่มสลายไป  เพียงแต่ไม่ถูกสถาปนาเป็นเมืองสงขลา กล่าวกันว่าวัดมัชฌิมาวาสแต่เดิมสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเช่นเดียวกับวัดสุวรรณคีรีและวัดอื่นๆ เมื่อย้ายเมืองจากฝั่งแหลมสน บ้านหัวเขามาตั้งอยู่ทางฝั่งบ่อยางในสมัยรัชกาลที่ ๓  และซ่อมสร้างพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวนในสมัยรัชกาลที่ ๔   ซึ่งเจดีย์ ๒ พี่น้องและพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวน กลายเป็นเจดีย์สัญลักษณ์หนึ่งของเมืองสงขลาในสมัยกรุงเทพฯ

วัดบ่อทรัพย์ ตั้งอยู่ย่านเมืองสงขลาเก่า ฝั่งแหลมสน บริเวณบ้านหัวเขา ด้านหน้าวัดมีบ่อน้ำขนาดใหญ่กรุอิฐขนาดเส้นผ่านศูนยืกลางราว ๗ เมตร ใช้สำหรับชุมชนในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ก่อนเมืองย้ายไปอยู่ฝั่งบ่อยางเพื่อการเสาะหาน้ำจืดที่ดีกว่า เมื่อชุมชนขนายใหญ่โตขึ้น

เจดีย์สองพี่น้องแบบย่อมุมไม้สิบสอง  สร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับป้อมเมืองสงขลาในสมัยอยุธยา  เจดีย์องค์ซ้าย สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เป็นผู้สร้าง เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๗๓ เจดีย์องค์ขวาพระยาศรีพิพันรัตนราชโกษา (ทัด บุนนาค) น้องชาย  สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๑ เมื่อมาราชการจัดการหัวเมืองมลายูทั้งสองคราว